ลงประกาศฟรี โปรโมทเว็บ SEO SMF PBN
ตลาดซื้อขายสินค้าออนไลน์ โฆษณาสินค้าฟรี => อื่นๆ ที่ไม่ตรงหมวดข้างบน => Topic started by: Shopd2 on Nov 03, 2025, 02:51 PM
อาหารไทย ไม่ได้มีเพียงแกงกะทิ หรือผัดกะเพราเท่านั้น แต่ยังมีอีกหลายเมนูที่ขึ้นชื่อ และสะท้อนเอกลักษณ์ของภูมิภาคนี้ได้อย่างดี ไม่ว่าจะเป็นเมนูหมู เห็ด เป็ด หรือไก่ ก็ล้วนถูกนำมาปรุงเป็นอาหารรสชาติกลมกล่อมที่กินง่าย ถูกปากทุกวัย เหมาะกับการรับประทานในทุกวันโดยในบทความนี้ 4 เมนูอาหารทำง่าย ๆ (https://www.pitchameat.com/40-%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%B9%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B9-%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B4/) รสชาติกลมกล่อม ตรงตามฉบับไทยแท้ พร้อมวิธีทำแบบละเอียด ที่สามารถทำเองได้ที่บ้าน จะมีเมนูไหนที่น่าสนใจบ้าง เราไปดูกันได้เลย[ol]
[/ol]
เริ่มกันที่เมนูยอดนิยมทั้งในไทย และต่างประเทศอย่าง "แกงมัสมั่น" เมนูที่สร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทยในระดับโลก เป็นแกงกะทิที่ผสมผสานความหอมมันของกะทิ กับเครื่องเทศเข้มข้นแบบไทย ๆ โดยมีวัตถุดิบและขั้นตอนการทำ ดังนี้วัตถุดิบเมนูแกงมัสมั่น[ul]
- สันคอหมู 300 กรัม
- หัวหอมใหญ่ 150 กรัม
- มันฝรั่ง 200 กรัม
- หัวกะทิ 300 กรัม
- หางกะทิ 300 กรัม
- พริกแกงมัสมั่น 100 กรัม
- ถั่วลิสง 50 กรัม
- ใบกระวาน 4 กรัม
- ลูกกระวาน 10 กรัม
- น้ำมะขามเปียก 4 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลมะพร้าว 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
- เกลือป่น 1 ช้อนโต๊ะ
[/ul]
ขั้นตอนและวิธีการทำแกงมัสมั่น[ol]
- ขั้นแรก เริ่มต้นด้วยการตั้งหม้อใช้ไฟอ่อน ใส่หางกะทิทั้งหมดลงไป แล้วนำเนื้อหมูลงเคี่ยวประมาณ 20 - 30 นาที เพื่อให้เนื้อเปื่อยนุ่ม และช่วยลดระยะเวลาการทำอาหารในขั้นตอนถัดไป
- ต่อมาให้ตั้งหม้ออีกใบ ใส่หัวกะทิประมาณครึ่งหนึ่ง ใช้ไฟกลางเคี่ยวไปเรื่อย ๆ จนกะทิแตกมัน จากนั้นใส่พริกแกงมัสมั่นลงไป
- จากนั้นเติมหัวกะทิที่เหลือ แล้วเคี่ยวต่อจนกะทิแตกมันอีกรอบ ก่อนนำไปเทรวมกับหม้อหางกะทิที่เคี่ยวหมูไว้
- ใส่วัตถุดิบอื่น ๆ ได้แก่ หัวหอมใหญ่ มันฝรั่ง ถั่วลิสง ใบกระวาน และลูกกระวาน แล้วเคี่ยวต่อจนเนื้อหมูเริ่มนุ่มเปื่อย ระหว่างเคี่ยวให้หมั่นคนเป็นระยะ เพื่อป้องกันก้นหม้อไหม้
- ขั้นตอนสุดท้าย ปรุงรสให้กลมกล่อม โดยใส่น้ำตาล น้ำมะขามเปียก และน้ำปลา ปรับรสชาติให้ออกหวาน มัน เค็ม และเปรี้ยวอย่างสมดุล แล้วคนให้เข้ากัน
[/ol]
[ol]
[/ol]
ต่อด้วย "ต้มข่า" เมนูอาหารซุปที่อัดแน่นไปด้วยสมุนไพรไทย ซึ่งมีวัตถุดิบคล้ายต้มยำ จึงช่วยเพิ่มความสดชื่นให้ผู้รับประทาน แต่มีการใส่กะทิเป็นส่วนผสมเพิ่มเติม สำหรับใครที่กำลังมองหาสูตรเข้มข้น หอมสมุนไพร และได้รสกลมกล่อมไม่เปรี้ยวโดด ก็สามารถทำเองได้ง่าย ๆ ดังนี้วัตถุดิบเมนูต้มข่า[ul]
- หมูเด้ง และหมูสับ 300 กรัม
- หัวกะทิ 300 กรัม
- ข่าหั่นแว่น 70 กรัม
- ตะไคร้หั่นท่อน 30 กรัม
- หอมแดง 70 กรัม
- ใบผักชี 10 กรัม
- ใบมะกรูด 7 กรัม
- พริกจินดา 20 กรัม
- พริกขี้หนู 10 กรัม
- พริกแห้ง 10 กรัม
- เห็ดนางฟ้า 200 กรัม
- เห็ดฟาง 100 กรัม
- น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
- มะขามเปียก 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา 5 ช้อนโต๊ะ
- น้ำสะอาด 500 กรัม
[/ul]
ขั้นตอนและวิธีการทำต้มข่า[ol]
- เริ่มจากการต้มน้ำสะอาดในหม้อ จากนั้นใส่สมุนไพรทั้งหมด ได้แก่ ข่าหั่นแว่น ตะไคร้ท่อน หอมแดง ใบมะกรูด และพริกแห้ง พร้อมกับหมูเด้งและหมูสับลงไปต้ม ใช้ไฟกลาง และคอยช้อนฟองออกเพื่อให้น้ำซุปใส
- เมื่อน้ำซุปเริ่มหอม ให้นำเห็ดนางฟ้าและเห็ดฟางใส่ลงไป คนให้ส่วนผสมเข้ากันดี
- เติมหัวกะทิลงไป เคี่ยวต่อจนเดือด จากนั้นปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ น้ำมะขามเปียก น้ำปลา และน้ำมะนาว โรยใบมะกรูดลงไปเพิ่มความหอม
- สุดท้าย ใส่พริกจินดา พริกขี้หนู และพริกแห้งลงไป คนเบา ๆ ให้รสชาติซึมซับเข้ากัน พอได้รสชาติเข้มข้นตามต้องการโดยมีรสเค็มพอดี ก็พร้อมตักเสิร์ฟ
[/ol]
[ol]
[/ol]
หากใครชื่นชอบเมนูของทอดทานเล่น "ทอดตะไคร้" ถือเป็นอีกหนึ่งเมนูที่ไม่ควรพลาด จะกินเป็นกับแกล้ม หรือทานคู่กับข้าวสวยก็อร่อยลงตัว ด้วยกลิ่นหอมเฉพาะตัวของตะไคร้ โดยมีสูตรการทำ ดังนี้วัตถุดิบเมนูทอดตะไคร้[ul]
- หมูสามชั้น 500 กรัม
- ตะไคร้ 300 กรัม
- ใบมะกรูด 7 กรัม
- พริกไทย 1 ช้อนชา
- กระเทียมจีน 6 - 7 กลีบ
- ซอสหอย 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
- ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
- เกลือ 1 ช้อนชา
- แป้งทอดกรอบ 5 ช้อนโต๊ะ
[/ul]
ขั้นตอนและวิธีการทำทอดตะไคร้[ol]
- เริ่มจากการนำหมูสามชั้นมาหมักกับเกลือ ซีอิ๊วขาว ซอสหอยนางรม พริกไทย กระเทียมจีน น้ำตาลปี๊บ น้ำปลา และแป้งทอดกรอบ ขยำให้ส่วนผสมเข้ากันทั่วถึง แล้วพักทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที เพื่อให้รสชาติซึมเข้าเนื้อหมู
- ระหว่างรอหมักหมู ให้นำตะไคร้มาซอยหรือโขลกจนละเอียดเล็กน้อย แล้วคลุกกับแป้งทอดกรอบบาง ๆ เพื่อช่วยให้ทอดออกมากรอบฟู
- ตั้งกระทะใส่น้ำมันให้ร้อน จากนั้นนำตะไคร้ลงทอดจนเหลืองกรอบ มีกลิ่นหอม แล้วตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน
- นำหมูสามชั้นที่หมักไว้มาทอดพร้อมกับใบมะกรูด ใช้ไฟกลางจนหมูสุกทั่วและมีสีเหลืองน่ารับประทาน
- สุดท้ายให้ตักหมูทอดกรอบใส่จาน จัดวางคู่กับตะไคร้ทอดกรอบ จะกินเล่นเป็นกับแกล้มก็อร่อย หรือกินคู่ข้าวสวยร้อน ๆ ก็ลงตัว
[/ol]
[ol]
[/ol]
ปิดท้ายด้วย "ผัดเปรี้ยวหวาน" เมนูอาหารภาคกลางที่สะท้อนเอกลักษณ์รสชาติแบบดั้งเดิมอย่างชัดเจน ทั้งเปรี้ยว หวาน และเค็ม แม้ปัจจุบันจะมีการดัดแปลงสูตรไปตามแต่ละท้องถิ่น สำหรับใครที่อยากลองทำเอง สามารถดูวัตถุดิบ และขั้นตอนการทำได้ ดังนี้วัตถุดิบเมนูผัดเปรี้ยวหวาน[ul]
- หมูสันใน 300 กรัม
- หอมหัวใหญ่หั่นเสี้ยว 80 กรัม
- สับปะรด 100 กรัม
- มะเขือเทศ 80 กรัม
- พริกหวานสามสีหั่นชิ้นรวม 80 กรัม
- กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
- ซอสมะเขือเทศ 3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำส้มสายชู 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
- ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
- ซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำสะอาด 3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันพืชสำหรับทอด
[/ul]
ขั้นตอนและวิธีการทำผัดเปรี้ยวหวาน[ol]
- ตั้งกระทะใส่น้ำมันเล็กน้อย ใช้ไฟกลาง ใส่กระเทียมสับลงผัดจนหอม แล้วนำหมูสันในที่หั่นไว้ลงไปผัดจนสุกเกือบทั่ว
- จากนั้นปรุงรส ด้วยการเติมซอสมะเขือเทศ น้ำส้มสายชู น้ำตาลปี๊บ ซีอิ๊วขาว น้ำปลา และซอสหอยนางรม ตามด้วยน้ำสะอาดเล็กน้อย
- ต่อมาให้นำผักใส่ลงไป เช่น หอมใหญ่ สับปะรด มะเขือเทศ และพริกหวานลงไป ใช้ไฟแรงผัดเร็ว ๆ เพื่อให้ผักสุกพอดี ไม่เ.่ยวจนเกินไป
- สุดท้าย ชิมรสให้ได้รสกลมกล่อม ตามแบบฉบับผัดเปรี้ยวหวาน หากอยากได้รสเข้มข้นขึ้น สามารถเติมซอสมะเขือเทศ หรือน้ำตาลเล็กน้อยได้ เป็นอันเสร็จ
[/ol]
ขอบคุณข้อมูลจาก https://www.pitchameat.com/ (https://www.pitchameat.com/)